Airbrush มีกี่ประเภทกันนะ?
Airbrush เป็นอุปกรณ์พ่นสีที่มีความละเอียดสูง สามารถใช้ในงานหลากหลายประเภท เช่น เพ้นท์โมเดล รถยนต์ กราฟฟิตี้ เฟอร์นิเจอร์ กระเป๋าหนังรองเท้าหนัง แต่งหน้า หรือแม้แต่ในงานเบเกอรี่
ลักษณะจังหวะ Air Brush
Airbrush มี 2 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะจังหวะการจ่ายสี ได้แก่
- แบบจังหวะเดียว (Single Action) เมื่อกดไกปืน ลมและสีจะออกมาพร้อมกัน ไม่สามารถควบคุมน้ำหนักมือได้ ต้องปรับเกลียวก่อนพ่นเท่านั้น
- แบบสองจังหวะ (Dual Action) เมื่อกดไกปืนครั้งแรก ลมจะออกมา จากนั้นกดไกปืนอีกครั้ง สีจะออกมา สามารถควบคุมน้ำหนักมือได้ ทำให้สีออกมาตามที่ใจเราต้องการขณะที่พ่นสีอยู่
ลักษณะกรวยสี Air Brush
Airbrush มี 3 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะกรวยสี ได้แก่
- กรวยบน (Gravity Feed) เป็นที่นิยมมากที่สุด เหมาะกับงานทั่วไป ให้เส้นที่คมสวย แต่ปริมาณสีน้อย ไม่สามารถพ่นสีในมุมเงยที่สูงกว่าได้
- กรวยล่าง (Bottom Feed) เหมาะกับงานขนาดใหญ่ที่ใช้สีปริมาณมาก สีจะเหลือค้างในขวดมากกว่าอุปกรณ์ชนิดอื่น
- กรวยข้าง (Side Feed) ได้ข้อดีของทั้งกรวยบนและกรวยล่าง กลไกซับซ้อน และราคาสูงกว่ากรวยชนิดอื่นๆ
ประโยชน์ของการใช้ Airbrush
- ใช้พ่นสีได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานโมเดล รถยนต์ กราฟฟิตี้ เฟอร์นิเจอร์ กระเป๋า รองเท้า การแต่งหน้า หรือเบเกอรี่
- ประหยัดเวลาและวัสดุ เพราะสามารถพ่นสีได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
- สามารถควบคุมความหนาแน่นของสีได้ ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีรายละเอียดและมิติได้
- สร้างเอฟเฟกต์ได้หลากหลาย เช่น เส้นบาง เส้นหนา ลายพู่กัน ลายจุด ลายพ่นฝอย ฯลฯ
ข้อควรระวังในการใช้ Airbrush
- ใช้สีที่มีมาตรฐาน เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
- ควรสวมหน้ากากป้องกันขณะใช้งาน เพื่อป้องกันละอองสีเข้าตาหรือสูดดมเข้าไป
- ทำความสะอาด Airbrush อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันสีอุดตันในหัวฉีด
Airbrush เป็นอุปกรณ์พ่นสีที่มีประโยชน์ สามารถใช้ในงานต่างๆ ได้มากมาย การเรียนรู้วิธีใช้ Airbrush จะช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานได้อย่างหลากหลายแน่นอน