สวัสดีเดือนกุมภาพันธ์  Artist of the month ในเดือนนี้เราจะพาทุกคนมาพบกับศิลปินผู้มีพลังอันล้นเหลือ
จะมาแชร์เรื่องราวของการทำแบรนด์ พร้อมด้วยแรงบันดาลใจอันเต็มเปี่ยม
ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้แม้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
นั่นก็คือเรื่องราวของเขา ‘ล่องหน (Longhon)’

ไปทำความรู้จักเขากันให้มากขึ้นกัน
แล้วอย่าลืมซึมซับพลังและแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไประหว่างอ่านด้วยน้าา ✨

บอกเล่าตัวตนของแบรนด์  – เล่าเรื่องจากความรู้สึกและสิ่งต่างๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็น 

ก่อนจะมาเป็นแบรนด์ล่องหน (Longhon) ได้ทำอะไรมาก่อนไหม

ก่อนหน้านี้ล่องหนวาดรูปทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เล่าเรื่องราวความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านลายเส้นอ่อนโยน นอกจากทำคอนเทนต์แล้วล่องหนยังเคยเปิดรับวาดรูปสำหรับเป็นของขวัญในโอกาสต่าง ๆ ด้วย ทำทั้งสองอย่างควบคู่กันมาตลอดเลยครับ

เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์

เริ่มต้นด้วยโควิดระบาด Art Market ก็ยกเลิกตาม ๆ กันไป สินค้าที่เราเตรียมไว้ก็ขายไม่ออกอย่างที่เคย และในความโชคร้ายก็มีความโชคดี เราติดตามคุณฟ้าฟ้ามาตลอดอยู่แล้ว พอเห็นว่า Fahfahsworld เปิดรับสมัครศิลปินสำหรับ Digital Product ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา เราไม่ลังเลเลยที่จะยื่นใบสมัคร แล้วบอกกับตัวเองว่า “ฉันค้นพบหนทางรอดแล้ว” เลยเกิดเป็นแบรนด์ ‘ล่องหน’ ที่เป็นสินค้า Digital Product ใน Fahfahsworld เป็นที่แรกเลยครับ

ทำไมถึงใช้ชื่อว่า ‘ล่องหน (Longhon)’

เราเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่องราวของความรู้สึก มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวว่ามีชีวิต มีความรู้สึก แต่ความรู้สึกเหล่านั้นผู้คนต่างมองไม่เห็นเพราะมันกำลังล่องหนอยู่ แล้วเราก็อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นเป็นเรื่องราวให้ผู้คนมองเห็น เลยหยิบมาใช้เป็นนามปากกาว่า ‘ล่องหน’

เล่าถึงจุดเด่น / คาแรกเตอร์ของแบรนด์ให้ทุกคนได้รู้จักหน่อย

ด้วยความที่เราชอบการเล่าเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ที่เรานำมาทำเป็น Digital Product ก็เลยมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวโยงกันหมดเลย เราสร้างโลกสร้างเรื่องราวขึ้นมาให้กับคาแรกเตอร์ โดยให้ชื่อว่า Iris Valley ดินแดนสายรุ้ง เป็นโลกของทุกตัวละครที่เป็น Digital Product ของเรา และทุกตัวละครก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Solar System อย่างเช่น Daisy มาจากแสงอาทิตย์, Night มาจากแสงจันทร์, Lilac มาจากทางช้างเผือก, The Gang Subaru มาจากดาวลูกไก่, Meteor มาจากดาวตก และยังมีน้อง ๆ อีกหลายตัวที่ยังรอเดบิวต์อยู่ครับ

ปลุกปั้นผลงานจากประสบการณ์และสิ่งที่ชอบ

ก่อนจะสร้างสรรค์งานออกมาได้ 1 งาน มีวิธีคิดหรือหาไอเดียอย่างไรบ้าง

เวลาที่เราจะสร้างสรรค์งาน เราจะวางคอนเซ็ปต์ไว้กว้าง ๆ ก่อน จากนั้นก็จะค่อย ๆ สโคปไอเดียให้ลึกขึ้น มีที่มาที่ไป สร้างเรื่องราว ขีดเขียนไอเดียทุกอย่างลงบนสมุด ร่างภาพหลาย ๆ ภาพเอาไว้ เอาทุกอย่างที่คิดออกมาให้หมด เราว่าช่วงขั้นตอนการวางแผนมันสำคัญมาก ๆ ไอเดียต่าง ๆ มันก็มาจากจากการผสมปนเปกันของประสบการณ์หรือสิ่งที่เราชื่นชอบจนเกิดเป็นชิ้นงานของเราเองในที่สุด

ลายเส้นของเมื่อก่อนกับตอนนี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 

ถ้านับตั้งแต่เริ่มเปิดเพจมาจนถึงตอนนี้ลายเส้นค่อนข้างแตกต่างกันเลย เมื่อก่อนเส้นยังไม่ค่อยมั่นใจ ยึกยือหน่อย ๆ แต่ลายเส้นปัจจุบันจะดูนิ่งขึ้น ดูนุ่มนิ่มมากขึ้นคงเพราะด้วยวิธีการลงสีที่ช่วงหลัง ๆ เราเน้นการลงสีแบบมีเทกเจอร์และไม่ตัดเส้น เลยทำให้ดูมีมิติมากขึ้น 

คิดว่าสิ่งที่ยากที่สุด หรือเป็นอุปสรรคในการทำงานสร้างสรรค์คืออะไร แล้วมีวิธีรับมือกับมันอย่างไร

การอยู่แต่ให้ห้องสี่เหลี่ยมหันไปทางไหนก็เจอแต่ผนังสีขาว มันทำให้เราไม่ค่อยมีไอเดียในการทำงานเท่าไหร่ เราชอบออกไปเดินเล่น ไปเห็นแวดล้อมต่าง ๆ เห็นผู้คนใช้ชีวิต แต่ก็เพราะโควิดนั่นแหละที่ทำให้เราออกไปข้างนอกได้น้อยลง เราเลยสร้างแรงบันดาลใจด้วยการดูการ์ตูนเรื่องที่ชอบ เรื่องที่เราเคยดูตอนเด็ก ๆ ดูซีรีส์แนวที่เราชอบ หรือฟังเพลงที่ไม่ได้ฟังนานแล้ว อาจหนังสือวรรณกรรมเล่มโปรด พอทำแบบนั้นมันทำให้เรารู้สึกสนุกขึ้นมากเลย เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนไปวัยเด็กที่เต็มไปด้วยจินตนาการ

ส่งต่อแรงบันดาลใจ – ภูมิใจกับความเป็นเป็ด 🦆

มีต้นแบบหรือแรงบันดาลจากงาน หรือศิลปินท่านไหนไหม

เราชื่นชอบศิลปินหลายท่านมาก ชอบการถ่ายทอดเรื่องราวของพี่มุนินฺ ชอบการสร้างอาณาจักรจู้จี้เวิลด์ที่มีที่มาที่ไปของคุณ Mindmelody ชอบการใช้สีของคุณฟ้าฟ้า ชอบกลิ่นอายความลึกลับของพี่ทรงศีล มีศิลปินต่างชาติที่เราชื่นชอบอยู่เหมือนกัน ชอบลายเส้นสบายตาของ ituka ชอบความซับซ้อนและการเชื่อมโยงของตัวละครของ CLAMP ชอบเรื่องราวเหนือจินตนาการของ Neil Gaiman แล้วก็อีกหลาย ๆ ท่านเลย เราหยิบยกความชอบเหล่านั้นมาปรับใช้กับงานของเราเพื่อพัฒนางานของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ 

คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของการทำแบรนด์ของตัวเอง 

สำหรับเราการสร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์สำคัญมาก ๆ ทุกอย่างมีที่มาที่ไปมีเรื่องราวซ่อนอยู่แม้ว่าอาจจะไม่ได้บอกไปโต้ง ๆ มันเหมือนกับเพิ่มเสน่ห์ให้กับแบรนด์ ให้น่าติดตามและยังทำให้ผู้คนรักในแบรนด์ของเราด้วย   

คิดว่ามีสกิลอะไรที่อยากพัฒนา หรือคิดว่าจำเป็นต้องมีในสายงานนี้

พอพูดถึงสกิลที่อยากพัฒนาก็นึกขึ้นได้ว่าซื้อคอร์สเรียนไว้เยอะมากเลย แต่ยังไม่ได้เรียนสักที ไม่ว่าจะเป็นคอร์สภาพประกอบสำหรับเด็ก, เทคนิคการเล่าเรื่อง, ภาพประกอบสีน้ำแบบญี่ปุ่น, การออกแบบตัวละคร เรามองว่าอะไรที่เรายังไม่เคยได้ลองทำ เราควรที่จะได้ทำ จะได้มีสกิลใหม่ ๆ มาปรับใช้กับงานได้ตลอด อาจจะฟังดูเหมือน ‘เป็ด’ แต่เราภูมิใจกับความเป็น ‘เป็ด’ เอามากๆ

ฝากผลงาน

นอกจากวาดภาพแล้ว มีอะไรใหม่ ๆ ที่อยากลองทำไหม

มีหลายอยากที่เราอยากลองทำ เราลิสต์มันเอาไว้เป็นเป้าหมายว่าจะต้องทำให้ได้ด้วย อยากทำ Art Toy, อยาก Collab กับแบรนด์ดัง ๆ , อยากสร้างแอนิเมชั่นสักเรื่อง, อยากไปจัดแสดงโชว์ผลงานที่ต่างประเทศ แล้วก็อีกเยอะมากที่อย่างจะทำไปหมดเพราะพลังล้นมาก 

ผลงานที่ชื่นชอบและอยากนำเสนอมากที่สุด

เป็นผลงานที่เราใช้เวลาค่อนข้างเยอะเพราะอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด และยังเป็นผลงานที่ทำให้คนรู้จักและจำล่องหนได้คือผลงานที่ชื่อ Magic Pencil ในโปรเจกต์ Invisible Dimension เราถ่ายทอดที่บ่งบอกความเป็นเราลงไปในงานนี้ เราทุ่มสุดตัวให้กับงานนี้และภูมิใจมาก ๆ

https://foundation.app/@longhon/~/107274

ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม

ขอฝากล่องหนเอาไว้ในใจด้วยนะครับ ไปติดตามผลงานต่าง ๆ ได้ที่

Facebook | http://facebook.com/longhonstory

IG | http://Instagram.com/longhonstory

Twitter | http://twitter.com/longhonstory